พระพุทธองค์ตรัสว่า...“ บุคคลในโลกนี้ตั้งความปรารถนาว่า โอหนอ หลังจากตายแล้ว เราพึงเกิดร่วมกับเทวดาชั้นพรหม เขาตั้งจิตนั้น อธิษฐานจิตนั้น เจริญจิตนั้นอยู่ จิตองเขาโน้มไปทางต่ำ เจริญให้ยิ่งขึ้นไปไม่ได้ จะไปเกิดร่วมกับเทวดาชั้นพรหม ภิกษุทั้งหลายเรากล่าวไว้สำหรับผู้มีศีล ไม่ใช่ทุศีล สำหรับผู้ปราศจากราคะ ไม่ใช่ผู้มีราคะ ”
ผู้ที่เลือกเป็นพรหมจะต้องถือศีล แล้วก็บำเพ็ญสมถะกรรมฐานทั้ง ๔๐ อย่าง ไม่ว่าสายไหนลงเอยที่เดียวกัน คือ ปฐมฌาณ ,ทุติยะฌาณ ,ตะติยะฌาณ ,จตุตถะฌาณ คือ ฌาณที่อาศัยรูปในการฝึก เรียกว่า รูปฌาณ ผู้ที่สำเร็จแต่ละอย่างจะลดหลั่นกันไปตามกำลังแห่งฌาณของบุคคล ความละเอียดของจิต มีอยู่ ๑๖ ชั้น เรียกว่า รูปพรหม การปฏิบัติต่างๆ เพื่อให้เข้าถึงได้นั้น มีองค์ประกอบหลายอย่าง ผู้เขียนจึงไม่เขียนไว้ จะเขียนเฉพาะโครงสร้างไว้ให้เข้าใจ บุคคลที่ฝึกจิตต่างๆ ล้วนฝึกมาแตกต่างกันไปตามอารมณ์แห่งจิตนั้น แตกต่างกันไปตามกำลังแห่งสมถะกรรมฐาน ๔๐ อย่าง ประกอบด้วย
กสิน ๑๐ อรูปฌาณ ๔ พรหมวิหารธรรม ๔
อสุภะ ๑๐ อาหารปฏิกูลสัญญา ๑
อนุสติ ๑๐ จตุธาตุวัฏฐาน ๑
รวมกรรมฐานทั้งหมดเป็น ๔๐ กอง ซึ่งมีอาจารย์ต่างๆ สอนไว้แล้ว หรือจะหาศึกษาเพิ่มเติมจากคำภีร์ต่างๆ ล้วนมีอยู่มากมาย เมื่อสำเร็จจากจตุตถะฌาณแล้วก็ทั้งรูปฌาณ หันมาฝึกฌาณที่ไม่อาศัยรูป เรียกว่า อรูปฌาณ มีอยู่ ๔ ขั้นคือ
๑. อากาสานัญจายตะนะ ( เพ่งอากาศเป็นอารมณ์ )
๒. วิญญาณนัญจายตะนะ ( เพ่งวิญญาณเป็นอารมณ์ )
๓. อากิจจัญยายตะนะ ( เพ่งความไม่มีอะไรเป็นอารมณ์ )
๔. เนวสัญญานาสัญญายตะนะ ( เพ่งความไม่มีสัญญาหรือความจำหมายรู้เป็นอารมณ์ )
เรียกว่า อรูปพรหม มีอยู่ ๔ ขั้น
การเลือกเป็นพรหมนั้นไม่จำกัดเพียงในพุทธศาสนา คือ เป็นฤาษี นักบวชต่างๆ ก็เป็นได้ คำว่าฌาณนั้นแปลอีกอย่างหนึ่งว่า สภาวะจิตไปยึดสิ่งต่างๆ เพื่อเป็นอารมณ์ ให้คงที่ เมื่อฌาณที่ได้เสื่อมถอยก็ต้องลงมาเกิดแล้วแต่กรรมดีเลวที่ส่งผล อายุของพรหมนั้นนานมาก แต่ก็ต้องเสื่อมไม่คงที่เหมือนท้าวผกาพรหมที่อธิบายไว้แล้ว ผู้ฝึกจิตต่างๆ มีมากมาย บ้างก็เข้าใจผิดคิดว่า นี่คือการบรรลุมรรคผล อารมณ์แห่งปฐมฌาณนั้น เป็นสิ่งที่ทำให้หลงทางได้ง่ายๆ พุทธองค์ไม่ได้ตรัสว่า สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งประเสริฐหรือเป็นแก่นแท้ของพระศาสนา พระพุทธองค์เปรียบสิ่งต่างๆ ไว้ดังนี้
ต้นไม้ ๑ ต้น คือ องค์ประกอบของพระศาสนา
- คำภีร์พระไตรปิฎกทั้ง ๘๔,๐๐๐ พระธรรมขันธ์ พระพุทธองค์เปรียบ กิ่ง ใบ
- ศีลทั้งหลาย ศีล ๕ , ๑๐ , ๒๒๗ , ๓๑๑ ข้อ พระพุทธองค์เปรียบ สะเก็ด
- สมาธิ สมถะ วิปัสสนา ได้ฌาณ ๔ สมาบัติ ๘ พุทธองค์เปรียบ เปลือก
- สมาธิ สมถะ วิปัสสนา สำเร็จฤทธิ์ พุทธองค์เปรียบ กระพี้ในเปลือก
- หลุดพ้นด้วยญาณทัศนะ พุทธองค์เปรียบ แก่นแห่งพรหมจรรย์
เมื่อพิจารณาดังนี้จะเข้าใจได้ ถึงแม้ทางแห่งพรหมจะประเสริฐกว่าเทวดา หรืออยู่สูงกว่า แต่ก็ไม่ใช่ทางหลุดพ้นหรือโสดาบันเข้าสู่กระแสแห่งพระนิพพาน เป็นเพียงสิ่งที่เชื่อมต่อให้เข้าถึงได้ง่าย ฝึกวิปัสสนาได้ง่าย สำเร็จได้เร็วกว่าปกติ หากไม่หลงติดอยู่ ก็จะให้สูงกว่านี้ไปไม่ได้ ต้องใช้ควบคู่กันไป จึงจะเกิดผลทั้งวิปัสสนาและสมถะ รวมกันเรียกว่า “ กรรมฐาน ” ผู้เข้าใจผิดในการปฏิบัติมีอยู่มาก สิ่งเหล่านี้เป็นธรรมสำหรับนักปฏิบัติ ผู้ปฏิบัติจริงเท่านั้นจึงจะเกิดผล ถ้ามีปัญหาต่างๆ ในขณะฝึกจิต ส่วนมากจะมีอาจารย์สอน ให้ถามอาจารย์ต่างๆ จะรู้ได้
“ พระพุทธองค์ตรัสว่า ” สิ่งเหล่านี้ ไม่ใช่ฐานะที่สตรีจะพึงเป็นได้
๑. อรหันต์สัมมาสัมพุทธเจ้า
๒. พระเจ้าจักรพรรดิ
๓. พระอินทร์
๔. มาร
๕. พรหม
( ขออธิบายเพิ่มเติมว่า พรหมนั้นเป็นรูปของจิต หากจิตไม่ยึดติดในรูป ถ้าสตรีอยากเป็นก็ตั้งจิตเปลี่ยนรูปเป็นชายก่อน สำหรับผู้ทรงฌาณนั้น ไม่ยากเย็นอะไรเลย )
บทสรุป
การเลือกเป็นพรหม คือ การรักษาศีลและการฝึกจิต อารมณ์ของจิตแต่ละอย่างละเอียดมาก ผู้ปฏิบัตินั้นน้อย ผู้เขียนจึงอธิบายแค่โครงสร้างให้เข้าใจ ศึกษาเพิ่มเติมจากคำภีร์ทางจิตต่างๆ มีมาก ขอให้ตั้งใจจริงเท่านั้น เสาะแสวงหาคาดว่าคงไม่ยาก หรือหากมีข้อสงสัยต่างๆ จะขออธิบายเฉพาะบุคคลที่ถาม พระพุทธองค์ห้ามไว้ดังนี้จะไม่กล่าวถึง คือ ว่าด้วยผู้ฉลาด ๑๒ ประการ
๑.ผู้ฉลาดในขันธ์ ขันธ์ ๕ ๗.ผู้ฉลาดในอิทธิบาท ๔
๒.ผู้ฉลาดในธาตุ ๘.ผู้ฉลาดในอินทรีย์ ๕
๓.ผู้ฉลาดในอายตนะ ๙. ผู้ฉลาดในอิทธิบาท ๔
๓.ผู้ฉลาดในอายตนะ ๙. ผู้ฉลาดในอิทธิบาท ๔
๔. ผู้ฉลาดในปฏิจจสมุปบาท ๑๐. ผู้ฉลาดในพละ ๕
๕. ผู้ฉลาดในสติปัฏตยฐาน ๔ ๑๑. ผู้ฉลาดในมรรคผล
๖. ผู้ฉลาดในสัมมัปปธาน ๔ ๑๒. ผู้ฉลาดในนิพพาน
ความฉลาดเหล่านี้ ไม่มีใครถามก็บอกโอ้อวดตน ไม่มีอริยะธรรม ผู้สงบดับกิเลสแล้วไม่โอ้อวดในศีลทั้งหลายว่า เราเป็นดังนี้ มีผู้ถามและอธิบายให้เข้าใจ ไม่โอ้อวดตน อนึ่งภิกษุไม่มีกิเลสเครื่องฟูในที่ไหนๆ ในโลก ผู้ฉลาด เรียกว่า ผู้มีอริยะธรรม จึงอธิบายได้เพียงเท่านี้
ข้อคิด พิจารณาดูตัวเองว่าเป็นพรหมหรือเปล่า หากตอบว่า เราคือ พรหม คุณคือ พรหมเดินดิน